page_banner

ข่าว

เคล็ดลับการป้องกันไมเกรน: การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเพื่อการบรรเทาในระยะยาว

การมีชีวิตอยู่กับไมเกรนอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลงและมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต แม้ว่าจะมียาและการรักษา แต่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างก็มีบทบาทสำคัญในการป้องกันไมเกรนในระยะยาว การจัดลำดับความสำคัญของการนอนหลับ การจัดการความเครียด การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น สามารถลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนได้อย่างมาก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยไมเกรนสามารถปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและควบคุมชีวิตของตนเองได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอเพื่อขอคำแนะนำและคำแนะนำในการจัดการกับไมเกรนแบบเฉพาะตัว

ไมเกรนคืออะไร

ไมเกรนเป็นโรคทางระบบประสาทที่มีลักษณะการปวดศีรษะระดับปานกลางถึงรุนแรงซ้ำๆ เป็นโรคที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลกและอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตประจำวันของพวกเขา ไมเกรนขึ้นชื่อเรื่องอาการปวดศีรษะตุบๆ ซึ่งมักเกิดขึ้นที่ข้างใดข้างหนึ่งของศีรษะ นอกจากอาการปวดหัวแล้ว ไมเกรนยังอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และความไวต่อแสงและเสียงร่วมด้วย

ไมเกรนอาจกินเวลานานหลายชั่วโมงหรือหลายวัน และอาจกระตุ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด อาหารบางชนิด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การอดนอน และแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อย่างไรก็ตาม แต่ละคนอาจมีตัวกระตุ้นที่แตกต่างกัน และการระบุตัวกระตุ้นเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการและป้องกันไมเกรนอย่างมีประสิทธิภาพ

ไมเกรนคืออะไร

ลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งของไมเกรนคือการมีออร่า ซึ่งเกิดขึ้นในประมาณหนึ่งในสามของผู้ป่วยไมเกรน ออร่าเป็นความผิดปกติชั่วคราวของระบบประสาทที่อาจแสดงออกเป็นการรบกวนการมองเห็น เช่น ไฟกะพริบ จุดบอด หรือเส้นหยัก นอกจากนี้ยังอาจรบกวนประสาทสัมผัสอื่นๆ เช่น การรู้สึกเสียวซ่าที่ใบหน้าหรือมือ

แม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของไมเกรนยังไม่เป็นที่เข้าใจแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นไมเกรนมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากขึ้น โดยบ่งบอกถึงความบกพร่องทางพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม ตัวกระตุ้นที่เฉพาะเจาะจงอาจมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนได้

จากข้อมูลของ AMF ไมเกรนเป็นอาการปวดหัวประเภทหนึ่ง ภายในขอบเขตของไมเกรน International Headache Society อธิบายถึงประเภทหลักๆ ดังต่อไปนี้:

ไมเกรนไม่มีออร่า

ไมเกรนมีออร่า

ไมเกรนเรื้อรัง

ผลกระทบของไมเกรนต่อชีวิตของแต่ละคนอาจรุนแรงมาก อาการไมเกรนกำเริบอาจทำให้เจ็บปวดมาก และอาจนำไปสู่การขาดงานหรือเรียนหนังสือ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และคุณภาพชีวิตลดลง ผู้ที่เป็นไมเกรนอาจต้องจำกัดกิจกรรมในแต่ละวันเพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน และมักจะรู้สึกวิตกกังวลหรือหดหู่เนื่องจากอาการเรื้อรังตามธรรมชาติ

ผลกระทบของไมเกรนต่อความเป็นอยู่ที่ดี

ไมเกรนเป็นภาวะที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก อาการไมเกรนกำเริบอาจกินเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน ทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง คลื่นไส้ และไวต่อแสงและเสียง นอกจากอาการทางกายภาพแล้ว ไมเกรนยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของแต่ละบุคคลอีกด้วย

วิธีหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดที่ไมเกรนอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณคือการรบกวนชีวิตประจำวัน อาการไมเกรนกำเริบอาจเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้และกะทันหัน ทำให้การวางแผนหรือทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องที่ท้าทาย ความคาดเดาไม่ได้นี้สามารถนำไปสู่การพลาดวันทำงาน กิจกรรมทางสังคม และเหตุการณ์สำคัญๆ ซึ่งมักนำไปสู่ความรู้สึกซึมเศร้า รู้สึกผิด และโดดเดี่ยว การไม่สามารถปฏิบัติตามความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ อาจส่งผลเสียต่อความภาคภูมิใจในตนเอง ความรู้สึกของความสำเร็จ และความพึงพอใจในชีวิตโดยรวม

ผลกระทบของไมเกรนต่อความเป็นอยู่ที่ดี

นอกจากนี้ ความเจ็บปวดและไม่สบายที่เกิดจากไมเกรนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของแต่ละบุคคล อาการปวดเรื้อรัง เช่น ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นระหว่างอาการไมเกรนกำเริบ มีความสัมพันธ์กับอัตราภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความทุกข์ทรมานทางจิตใจโดยรวมที่สูงขึ้น การต่อสู้กับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ความรู้สึกหมดหนทางและสิ้นหวัง ส่งผลต่อความสามารถของบุคคลในการรับมือกับความเครียดในแต่ละวัน และสนุกกับชีวิตได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ลักษณะเรื้อรังของไมเกรนสามารถสร้างวงจรของความกลัวและการคาดหวังได้ เนื่องจากผู้คนมักกังวลอยู่เสมอว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และจะส่งผลต่อสุขภาพของพวกเขาอย่างไร

รบกวนการนอนหลับเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไมเกรนส่งผลต่อสุขภาพของคุณ ผู้ป่วยไมเกรนจำนวนมากมีปัญหาในการนอนหลับหรือนอนหลับ มักเกิดจากความเจ็บปวดหรืออาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รูปแบบการนอนหลับที่ถูกรบกวนสามารถนำไปสู่ความเหนื่อยล้า หงุดหงิด และการรับรู้ลดลง ทำให้การทำงานในแต่ละวันอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเรื่องยาก การนอนหลับไม่เพียงพอยังขัดขวางความสามารถของร่างกายในการรักษาและฟื้นตัว ส่งผลให้ระยะเวลาและความรุนแรงของไมเกรนยาวนานขึ้น

ผลกระทบทางเศรษฐกิจของไมเกรนก็ไม่สามารถละเลยได้เช่นกัน ค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับไมเกรน รวมถึงค่ารักษาพยาบาล การขาดงาน และการสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน ได้สร้างภาระทางการเงินให้กับบุคคลและสังคมโดยรวม ภาระนี้เพิ่มความเครียดและความกังวล และทำให้ผลกระทบต่อความเป็นอยู่แย่ลงไปอีก

สิ่งกระตุ้นและอาการไมเกรน

1. ทำความเข้าใจสาเหตุของไมเกรน

สิ่งกระตุ้นไมเกรนแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่มีปัจจัยบางประการที่ทราบกันดีว่ามีส่วนทำให้เกิดอาการปวดหัวเหล่านี้ เรามาสำรวจทริกเกอร์ที่พบบ่อยที่สุดกันดีกว่า:

ก) ความเครียด: ความเครียดทางอารมณ์และความวิตกกังวลเป็นสาเหตุสำคัญของไมเกรน การเรียนรู้เทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การหายใจเข้าลึกๆ และการทำสมาธิสามารถช่วยให้บุคคลรับมือได้ดีขึ้นและลดความถี่ของไมเกรน

ข) การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ผู้หญิงหลายคนมีอาการไมเกรนในระหว่างการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางอย่าง เช่น การมีประจำเดือนหรือวัยหมดประจำเดือน การทำความเข้าใจรูปแบบเหล่านี้ช่วยให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสมและการรักษาอย่างทันท่วงที

ค) นิสัยการกิน: อาหารและเครื่องดื่มหลายชนิดได้รับการระบุว่าเป็นสาเหตุของไมเกรนในบางคน การข้ามมื้ออาหารหรือการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช็อคโกแลต ปลารมควัน เนื้อหมัก และชีสหมัก อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไมเกรน การเขียนไดอารี่อาหารสามารถช่วยระบุสิ่งกระตุ้นส่วนบุคคลและเป็นแนวทางในการปรับเปลี่ยนอาหารได้

ง) ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม: แสงจ้า เสียงดัง และกลิ่นฉุน อาจทำให้ประสาทสัมผัสทำงานหนักเกินไปและกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนได้ การสวมแว่นกันแดด การใช้ที่อุดหู และการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดสิ่งกระตุ้นอาจช่วยได้

จ) การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ: การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพอากาศ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ อาจทำให้เกิดอาการไมเกรนในบางคนได้ การให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและรักษาตารางการนอนหลับให้สม่ำเสมอสามารถช่วยจัดการกับสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ได้

ฉ) การนอนหลับไม่เพียงพอ: หากคุณรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลาหรือนอนหลับไม่เพียงพอในตอนกลางคืน อาจส่งผลต่อการทำงานของจังหวะการเต้นของหัวใจ (หรือวงจรการตื่นและพักผ่อนตามธรรมชาติของสมอง)

สิ่งกระตุ้นและอาการไมเกรน

2. รับรู้อาการไมเกรนที่พบบ่อย

ไมเกรนเป็นมากกว่าแค่อาการปวดหัว มักแสดงอาการหลายอย่างที่รบกวนชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง การทำความเข้าใจและตระหนักถึงอาการเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวินิจฉัยที่เหมาะสมและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ อาการทั่วไปบางประการที่เกี่ยวข้องกับไมเกรน ได้แก่:

ก) ปวดศีรษะรุนแรง: ไมเกรนมีลักษณะปวดตุบๆ หรือปวดตุบๆ มักปวดที่ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ อาการปวดอาจปานกลางถึงรุนแรงและอาจแย่ลงเมื่อมีการออกกำลังกาย

b) ออร่า: บางคนประสบกับออร่าก่อนที่จะเกิดอาการไมเกรนจริงๆ รัศมีมักเป็นการรบกวนการมองเห็นชั่วคราว เช่น การมองเห็นแสงแฟลช จุดบอด หรือเส้นหยัก อย่างไรก็ตาม ออร่าอาจปรากฏเป็นการรบกวนทางประสาทสัมผัส การพูด หรือปัญหาทางภาษา

ค) คลื่นไส้และอาเจียน: ไมเกรนมักทำให้เกิดอาการทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหาร อาการเหล่านี้อาจคงอยู่ตลอดช่วงไมเกรนกำเริบและแม้กระทั่งหลังจากอาการปวดศีรษะทุเลาลงแล้ว

ง) ความไวต่อแสงและเสียง: ไมเกรนมักทำให้เกิดความไวต่อแสงและเสียงเพิ่มขึ้น ทำให้ยากสำหรับบุคคลที่จะทนต่อแสงจ้าหรือเสียงดัง อาการอ่อนไหวนี้เรียกว่ากลัวแสงและกลัวเสียง ตามลำดับ อาจทำให้อาการไม่สบายรุนแรงขึ้นในช่วงไมเกรนได้

จ) ความเหนื่อยล้าและเวียนศีรษะ: ไมเกรนสามารถทำให้บุคคลรู้สึกเหนื่อยล้า เหนื่อยล้า และสับสน บางคนอาจรู้สึกวิงเวียนหรือมีสมาธิลำบากในระหว่างที่มีอาการไมเกรนกำเริบหรือในระยะหลังไมเกรน

การเยียวยาธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบรรเทาอาการไมเกรน

นิสัยการกินเพื่อสุขภาพ

● จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (โดยเฉพาะไวน์แดง) กาแฟ ฯลฯ
● หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นการบริโภคอาหาร รวมถึงอาหารแปรรูปและสารปรุงแต่ง เช่น โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG)
● อย่าลืมรับประทานอาหารตรงเวลาทุกวันและพยายามอย่าข้ามมื้ออาหาร
● การให้ของเหลวเพียงพอสามารถช่วยป้องกันไมเกรนหรือลดความรุนแรงได้ ดื่มน้ำปริมาณมากตลอดทั้งวันและหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากเกินไปเพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้
● เลือกอาหารธัญพืชไม่ขัดสีเพื่อเพิ่มปริมาณวิตามินและไฟเบอร์
● อาหารประกอบด้วยอาหารทั้งมื้อ ผลไม้และผักสด และโปรตีนไร้ไขมัน
● กินอาหารแปรรูปสูงหรือเค็มสูงหรือน้ำตาลสูงน้อยลง

รักษาวิถีชีวิตเชิงบวก

● การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจเข้าลึกๆ การทำสมาธิ หรือโยคะ สามารถช่วยลดความเครียดและป้องกันไมเกรนได้ ค้นหากิจกรรมที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายและเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของคุณ

● การอดนอนเพิ่มโอกาสในการเกิดไมเกรน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณนอนหลับอย่างมีคุณภาพเพียงพอทุกคืน จัดตารางเวลาการนอนหลับสม่ำเสมอ สร้างสภาพแวดล้อมการนอนหลับที่สงบ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมกระตุ้นก่อนนอน

● แม้ว่าการออกแรงมากเกินไปของร่างกายอาจทำให้เกิดอาการไมเกรนได้ แต่การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยลดความถี่ของการเกิดไมเกรนได้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (หรือแอโรบิก) มีประโยชน์หลายประการที่สามารถป้องกันและปรับปรุงอาการไมเกรนได้

● มีการใช้น้ำมันหอมระเหยเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่างๆ มานานแล้ว รวมถึงไมเกรนด้วย แนะนำให้ใช้น้ำมันเปปเปอร์มินต์ ลาเวนเดอร์ และยูคาลิปตัสเพื่อบรรเทาอาการไมเกรน

● การประคบเย็นหรือร้อนที่ศีรษะหรือคอสามารถบรรเทาอาการไมเกรนได้ ใช้น้ำแข็งประคบด้วยผ้าบางๆ บนบริเวณที่เจ็บปวด หรือใช้ผ้าร้อนหรือแผ่นประคบร้อน ทดลองและดูว่าอุณหภูมิใดที่ทำให้คุณผ่อนคลายได้มากที่สุด

● การลองฝังเข็มเชื่อว่าจะช่วยปรับสมดุลการไหลเวียนพลังงานของร่างกายและลดอาการไมเกรน หลายๆ คนพบว่าการฝังเข็มเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาไมเกรน แต่สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษานักฝังเข็มที่มีใบอนุญาตเพื่อขอคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

การเยียวยาธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบรรเทาอาการไมเกรน

พิจารณาอาหารเสริม

● NAC เป็นอาหารเสริมที่มีกรดอะมิโนที่เรียกว่าซิสเตอีน NAC บรรเทาอาการไมเกรนได้อย่างไร? ทฤษฎีหนึ่งชี้ให้เห็นว่าคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของ NAC อาจช่วยลดการอักเสบและความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในสมอง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นปัจจัยหนึ่งของไมเกรน NAC ยังอาจส่งผลต่อการผลิตสารสื่อประสาทบางชนิด เช่น กลูตาเมต ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาไมเกรน

● การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Headache and Pain พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานแมกนีเซียมเสริมทุกวัน ความถี่และความรุนแรงของไมเกรนลดลงอย่างเห็นได้ชัด นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการเสริมแมกนีเซียมอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ที่มีอาการไมเกรนระหว่างมีประจำเดือน แล้วแมกนีเซียมช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้อย่างไร แมกนีเซียมช่วยควบคุมสารสื่อประสาทและการหดตัวของหลอดเลือด ซึ่งเชื่อกันว่าทั้งสองปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน นอกจากนี้ บางคนเชื่อว่าแมกนีเซียมอาจส่งผลให้สมองสงบลง โดยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดไมเกรน

● ไรโบฟลาวิน หรือที่เรียกว่าวิตามินบี 2 ไรโบฟลาวินเกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญและการผลิตพลังงานต่างๆ ในร่างกายของเรา การวิจัยอย่างจำกัดชี้ให้เห็นว่าการเสริมไรโบฟลาวินเป็นประจำอาจช่วยลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนในบางคนได้

● แมกนีเซียมทอเรต ซึ่งเป็นส่วนผสมของแมกนีเซียมซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานตามปกติของร่างกาย และทอรีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด การรวมกันนี้พบว่ามีประโยชน์ในการรักษาไมเกรนเนื่องจากแมกนีเซียมช่วยผ่อนคลายหลอดเลือดและทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันช่องแคลเซียม จึงช่วยควบคุมการไหลเวียนของเลือดและป้องกันไม่ให้หลอดเลือดในสมองหดตัว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการไมเกรนได้

นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังเกี่ยวข้องกับการผลิตและการควบคุมสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการรับรู้ถึงความเจ็บปวด การเสริมแมกนีเซียมทอรีนอาจทำให้บุคคลสามารถลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนได้ แมกนีเซียมทอเรตมีฤทธิ์ทางชีวภาพสูง ซึ่งหมายความว่าร่างกายจะดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด

นอกจากนี้ มีรายงานว่าแมกนีเซียมทอเรตมีฤทธิ์กดประสาท สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการไมเกรนถูกกระตุ้นหรือแย่ลงจากความเครียดและความวิตกกังวล แมกนีเซียมทอรีนอาจช่วยลดความถี่ของการเกิดไมเกรนได้ด้วยการส่งเสริมการผ่อนคลายและลดความตื่นเต้นของเส้นประสาท

โดยสรุป การระบุถึงต้นเหตุของไมเกรนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่เน้นไปที่การจัดการอาการเท่านั้น ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์ เช่น อาหาร รูปแบบการนอนหลับ ระดับความเครียด และการให้น้ำ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความถี่และความรุนแรงของไมเกรน การเลือกวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีและการใช้เทคนิคการลดความเครียดร่วมกับการใช้ยา ควรเป็นจุดสนใจหลักของการรักษาไมเกรน

ถาม: การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอะไรบ้างที่สามารถช่วยป้องกันไมเกรนได้?
ตอบ: การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างที่สามารถช่วยป้องกันไมเกรนได้ ได้แก่ การรักษาตารางการนอนหลับให้สม่ำเสมอ การจัดการระดับความเครียด การออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่สมดุล การดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นการจำกัดปริมาณคาเฟอีน และฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย

ถาม: การนอนหลับให้เพียงพอสามารถช่วยป้องกันไมเกรนได้หรือไม่?
ตอบ: ได้ การรักษาตารางการนอนหลับให้สม่ำเสมอและการนอนหลับให้เพียงพอสามารถช่วยป้องกันไมเกรนได้ การอดนอนหรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนอนอาจทำให้เกิดอาการไมเกรนในบางคนได้ ขอแนะนำให้สร้างกิจวัตรการนอนหลับอย่างสม่ำเสมอและตั้งเป้าการนอนหลับ 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืนเพื่อลดความเสี่ยงของไมเกรน

ข้อสงวนสิทธิ์: บทความนี้มีไว้เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ใดๆ ข้อมูลโพสต์บล็อกบางส่วนมาจากอินเทอร์เน็ตและไม่ใช่ข้อมูลระดับมืออาชีพ เว็บไซต์นี้รับผิดชอบเฉพาะการจัดเรียง การจัดรูปแบบ และการแก้ไขบทความเท่านั้น วัตถุประสงค์ในการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าคุณเห็นด้วยกับความคิดเห็นหรือยืนยันความถูกต้องของเนื้อหา ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพทุกครั้งก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเปลี่ยนแปลงแผนการดูแลสุขภาพของคุณ


เวลาโพสต์: 20 พ.ย.-2023